วันอาทิตย์ที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

สะตอ




ชื่อภาษาอังกฤษ :
Stinkbean

ชื่อท้องถิ่น : กะตอ (กลาง, ใต้); ปะตา, ปัตเต๊าะ (มาเลย์-ยะลา, ปัตตานี); ปาไต (มาเลย์-สตูล)

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Parkia speciosa Hassk.

วงศ์ : Mimosaceae

ลักษณะพืช :

ลำต้น เป็นไม้ยืนต้นขนาดกลาง ลำต้นค่อนข้างตรง เปลือกหนาสีน้ำตาลปนเทา ผิวค่อนข้าง เรียบ เนื้อไม้สีเปลือกไข่แก่น สีแดง สูงประมาณ 30 เมตร ใบ เป็นพวกใบประกอบ ก้านทางใบยาว 18-63 เซนติเมตร ก้านทางใบย่อยยาว 6-14 เซนติเมตร ก้านทางใบย่อยจะแยกออกเป็นคู่ ๆ จากก้านทางใบ มีจำนวน 14-27 คู่ เส้นผ่าศูนย์ กลาง 1-2 มิลลิเมตร ยาวประมาณ 5-14 เซนติเมตร มีใบย่อยแตกออกด้านข้างของแกนจำนวน 31-41 คู่ต่อหนึ่งทางใบย่อย มีใบจำนวน 62-82 ใบ ใบมีลักษณะคล้ายใบพาย กว้าง 1.5-2.2 มิลลิเมตร ยาว 5-9 มิลลิเมตร ก้านทางใบ ย่อยแต่ละก้านอยู่ห่างกันประมาณ 2.5 เซนติเมตร ราก ต้นที่ปลูกจากเมล็ดจะมีรากแก้วหยั่งลึกลงดิน ประมาณ 1.5-3 เมตร รากแขนงจะแผ่กระจาย ห่างจากลำต้น 3-8 เมตร

ดอก ดอกสะตอออกเป็นช่อ แบบหัว คือ ช่อดอกเกิดรวมเป็นกระจุก คล้ายดอกกระถินจาก บริเวณซอกใบที่ปลายยอดกิ่ง ด้านนอกทรงพุ่มมีขนาด 2 x 5 เซนติเมตร ก้านช่อดอกยาว 20-30 เซนติเมตร ช่อดอกหนึ่งมี 3-16 ดอก ดอกย่อยเป็น ดอกสมบูรณ์เพศ ดอกเมื่อได้รับการผสมแล้ว จะมีสีเหลือง รังไข่จะพัฒนาไปเป็นฝักอ่อน ซึ่งเกิดเป็นแกนกลางของดอก และเจริญไปเป็นฝัก ต่อไป

ฝัก เกิดจากรังไข่ที่ได้รับการผสมแล้ว มีลักษณะตรงหรือบิดเบี้ยว สีต่อนข้างเขียว อยู่ใน ลักษณะห้อยจากตุ่มดอก ดอกหนึ่ง ๆ จะมีฝักตั้งแต่ 2-24 ฝัก ฝักยาว 36-45 เซนติเมตร กว้าง 3-5 เซนติเมตร ริมฝักหนา 0.2 เซนติเมตร ฝักแก่เปลือกฝักจะ เปราะและหักง่าย เมื่อสุกเปลือก นอกจะเปลี่ยนจากสีเขียวเป็นสีน้ำตาลไหม้เกือบดำ เมล็ด เกิดจากรังไข ่ที่ได้รับการผสมแล้ว มีลักษณะตรงหรือบิดเบี้ยว สีต่อนข้างเขียว อยู่ในลักษณะห้อยจากตุ่มดอก ดอกหนึ่ง ๆ จะมีฝัก ตั้งแต่ 2-24 ฝัก ฝักยาว 36-45 เซนติเมตร กว้าง 3-5 เซนติเมตร ริมฝักหนา 0.2 เซนติเมตร ฝักแก่เปลือกฝักจะเปราะและหักง่าย จะเรียงอยู่ตามแนว ขวางกับฝัก มีรูปร่างเป็นรูปไข่ หยดน้ำ วงรี และกลม ขนาดกว้าง 15-20 มิลลิเมตร ยาว 22.5-25 มิลลิเมตร ฝักหนึ่งมีเมล็ด 6-32 เมล็ด สีของเมล็ดจะมีลักษณะสีเขียวอ่อนและสีเขียวเข้ม
พันธุ์

มี 2 พันธุ์ โดยแบ่งตามลักษณะของฝักและรสชาติได้ดังนี้
1. สะตอข้าว ฝักมีลักษณะบิดเป็นเกลียว ยาว 31 เซนติเมตร กว้าง 3.5 เซนติเมตร เมล็ดมี
ขนาด เล็กค่อนข้างชิด ฝักหนึ่ง ๆ มี 10-20 เมล็ด ในแต่ละช่อ มี 8-20 ฝัก รสชาติมัน ไม่มีกลิ่นฉุนเนื้อเมล็ดไม่ค่อยแน่น สีของฝักเป็นสีเขียวอ่อน ขอบฝักชิดกับ เมล็ดเป็นที่นิยมของผู้ บริโภคทั่ว ไป อายุการเก็บเกี่ยวประมาณ 3-4 ปี
2. สะตอดาน ฝักมีลักษณะแบนตรง ยาว 32.5 เซนติเมตร กว้าง 3.9 เซนติเมตร เมล็ด มีขนาดใหญ่ ฝักหนึ่ง ๆ มี 10-12 เมล็ด แต่ละช่อมี 8-15 ฝัก รสชาติมัน มีกลิ่นฉุนจัด เนื้อเมล็ดแน่น ช่องว่างระหว่างเมล็ดห่างกัน ฝักมีสีเขียวแก่ขอบฝักจะห่าง จากเมล็ดและมีขนาดหนา ผู้บริโภคชาวภาค ใต้นิยมรับประมาณ อายุการเก็บเกี่ยว 6-7 ปี

ลักษณะทางภูมิศาสตร์ : ชอบเจริญตามเชิงเขาที่มีสภาพป่าสมบูรณ์ มีความชื้นในอากาศสูง สามารถเจริญร่วมกับพืชอื่นได้ดี

แหล่งที่พบ : พบได้ทั่วไปในภาคใต้และภาคตะวันออก

ส่วนที่ใช้ : เมล็ด ยอด

สรรพคุณ : เมล็ด-ขับปัสสาวะ ช่วยลดน้ำตาลในเลือด กินเป็นประจำช่วยป้องกันโรคเบาหวาน และใช้กินเป็นผักเหนาะ ยอด-รับประทานเป็นผักเหนาะ

- ผลต่อความดันโลหิต
- ผลต่อการแบ่งตัวของเซลล์
- ผลยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย
- ผลยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อรา
- ผลของการเกาะกลุ่มของเม็ดเลือดแดง
- ฤทธิ์ลดน้ำตาลในเลือด
- ฤทธิ์กระตุ้นการบีบตัวของลำไส้


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น